อธิบายความแตกต่างระหว่างปิ๊กอัพแบบ "แอคทีฟ" และ "พาสซีฟ" และผลต่อโทนเสียงหากคุณเป็นมือใหม่ที่พึ่งเริ่มหัดเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าหรือเบส คุณอาจจะพบเจอกับคำศัพท์เกี่ยวกับเครื่องดนตรีที่คุณไม่คุ้นเคย มีคำอยู่ 2 คำที่คุณจะต้องพบเจอเมื่อคุณทำการค้าหาข้อมูลเพื่อที่คุณจะซื้อกีต้าร์หรือเบสซักตัว นั่นคือคำว่าแอคทีฟ (active) และ พาสซีฟ (passive) ซึ่งเกี่ยวข้องกับวงจรอีเล็คโทรนิค แม้ว่าจะฟังดูเป็นเรื่องที่เป็นไปในทางเทคนิคเอามากๆ แต่พื้นฐานทางด้านวงจรอิเล็กทรอนิกส์ทั้งในแบบแอคทีฟและพาสซีฟก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจ ถึงแม้คุณจะไม่ได้เรียนจบมาทางด้านวิศวกรรมอีเล็คโทรนิกส์ก็ตาม อิเล็กทรอนิกส์ แบบ “พาสซีฟ”
ปิ๊กอัพกีต้าร์และเบสแบบพาสซีฟ (passive) นั้นประกอบด้วยแม่เหล็กที่ถูกห่อหุ้มด้วยขดลวดในระดับพื้นฐานเท่านั้น ในสนามแม่เหล็กที่ถูกสร้างขึ้นมาจากอิเล็กทรอนิกส์แบบพาสซีฟนี้ สายที่สั่นสะเทือนจะสร้างสัญญาณไฟฟ้าที่อ่อน โดยสัญญาณที่อ่อนนี้จะถูกส่งผ่านไปทางสายเคเบิ้ล (สายแจ๊ค) และไปยังตู้แอมป์ ซึ่งเป็นที่ๆ การขยายสัญญาณ (boost) จะเกิดขึ้น อิเล็กทรอนิกส์ แบบ “แอคทีฟ”
วงจรแบบแอคทีฟได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับเบส ซึ่งมีส่วนช่วยให้ได้เสียงที่มีความใสและคมชัดมากขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการเล่นในแบบสแลป (slap & pop) ปิ๊กอัพที่มีวงจรแบบแอคทีฟยังเป็นที่นิยมในกีต้าร์ที่มีประสิทธภาพสูงที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในมือกีต้าร์แนวเมทัล Fender มีกีต้าร์และเบสหลายรุ่นที่มาพร้อมชุดวงจรแบบแอคทีฟ อาทิเช่น Deluxe Active Jazz Bass (4 สาย) และ Deluxe Active Jazz Bass V (5 สาย), กีต้าร์ Jim Root ทั้ง 3 รุ่น คือ Stratocaster, Telecaster และ Jazzmaster.
*สิ่งที่สำคัญคือต้องสังเกตว่าเครื่องดนตรีที่มีวงจรแบบแอคทีฟจะไม่ทำงานเลยถ้าหากว่าแบตเตอรี่หมดและไม่มีการจ่ายไฟ มันไม่สามารถที่จะใช้งานต่อไปเป็นวงจรระบบพาสซีฟได้ Comments are closed.
|