February 01, 2021
ปิ๊กอัพ ALNICO คืออะไร?

มาเรียนรู้ประวัติศาสตร์และความแตกต่าง ในส่วนประกอบของปิ๊กอัพที่สำคัญชนิดนี้กัน
เวลาที่คุณจะซื้อกีต้าร์ซักตัว ไม่ว่าจะที่ร้านขายเครื่องดนตรีหรือออนไลน์ คุณมีโอกาสที่จะผ่านตากับคำว่าปิ๊กอัพอัลนิโค (Alnico) มันมีหมายความว่าอย่างไร ปิ๊กอัพอัลนิโคคืออะไร และมันมีคุณสมบัติอะไรที่ “ปิ๊กอัพแบบที่ไม่ใช่อัลนิโค” ไม่มี
เวลาที่คุณจะซื้อกีต้าร์ซักตัว ไม่ว่าจะที่ร้านขายเครื่องดนตรีหรือออนไลน์ คุณมีโอกาสที่จะผ่านตากับคำว่าปิ๊กอัพอัลนิโค (Alnico) มันมีหมายความว่าอย่างไร ปิ๊กอัพอัลนิโคคืออะไร และมันมีคุณสมบัติอะไรที่ “ปิ๊กอัพแบบที่ไม่ใช่อัลนิโค” ไม่มี
เราจะเริ่มจากการอธิบายถึงคำว่าอัลนิโค (Alnico) กัน คำว่า Alnico ย่อมากจากตัวอักษรสองตัวแรกของส่วนประกอบของโลหะ 3 ชนิด นั่นคือ aluminum (อลูมิเนียม), nickel (นิกเกิล) และ cobalt (โคบอลต์).
สิ่งที่สองที่เราจะอธิบายถึงคือ อัลนิโคมีความพิเศษอย่างไร ในช่วงยุคต้นทศวรรษที่ 1930 ที่ประเทศญี่ปุ่น โลหะผสม (Alloys) ที่ประกอบด้วยเหล็ก นิกเกิล และอลูมิเนียม ได้ถูกค้นพบว่ามีความแข็งแกร่งเป็นสองเท่าของแม่เหล็กที่แข็งแรงที่สุดในเวลานั้น โดยโคบอลต์ได้ถูกค้นพบและเป็นส่วนผสมเพิ่มเติมในเวลาต่อมาเพราะว่าโคลบอลต์มีความต้านทานต่อการสึกกร่อนสูง
โลหะผสมเหล็ก (Iron alloys) ที่มีส่วนผสมของอัลนิโคจะมีความต้านทานสูงต่อความร้อนและการสูญหายของอำนาจแม่เหล็ก ดังนั้นจึงถูกใช้ในการผลิตแม่เหล็กถาวรที่คงทน ในความเป็นจริงแล้ว ก่อนที่จะมีการพัฒนาการของแม่เหล็กแบบ “super” magnet (อาทิเช่น neodymium และ samarium-cobalt) ขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 แม่เหล็กอัลนิโคในขณะนั้นถือได้ว่าเป็นแม่เหล็กที่มีความแข็งแรงมากที่สุดเท่าที่จะหาได้ กับความสามารถที่จะสร้างกำลังที่ขั้วแม่เหล็กได้มากกว่า 3,000 เท่าของกำลังที่ได้จากสนามแม่เหล็กของโลก
สรุปคือ โลหะผสมอัลนิโคเป็นแม่เหล็กที่มีคงทนและแข็งแรงมากๆ
สิ่งที่สองที่เราจะอธิบายถึงคือ อัลนิโคมีความพิเศษอย่างไร ในช่วงยุคต้นทศวรรษที่ 1930 ที่ประเทศญี่ปุ่น โลหะผสม (Alloys) ที่ประกอบด้วยเหล็ก นิกเกิล และอลูมิเนียม ได้ถูกค้นพบว่ามีความแข็งแกร่งเป็นสองเท่าของแม่เหล็กที่แข็งแรงที่สุดในเวลานั้น โดยโคบอลต์ได้ถูกค้นพบและเป็นส่วนผสมเพิ่มเติมในเวลาต่อมาเพราะว่าโคลบอลต์มีความต้านทานต่อการสึกกร่อนสูง
โลหะผสมเหล็ก (Iron alloys) ที่มีส่วนผสมของอัลนิโคจะมีความต้านทานสูงต่อความร้อนและการสูญหายของอำนาจแม่เหล็ก ดังนั้นจึงถูกใช้ในการผลิตแม่เหล็กถาวรที่คงทน ในความเป็นจริงแล้ว ก่อนที่จะมีการพัฒนาการของแม่เหล็กแบบ “super” magnet (อาทิเช่น neodymium และ samarium-cobalt) ขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 แม่เหล็กอัลนิโคในขณะนั้นถือได้ว่าเป็นแม่เหล็กที่มีความแข็งแรงมากที่สุดเท่าที่จะหาได้ กับความสามารถที่จะสร้างกำลังที่ขั้วแม่เหล็กได้มากกว่า 3,000 เท่าของกำลังที่ได้จากสนามแม่เหล็กของโลก
สรุปคือ โลหะผสมอัลนิโคเป็นแม่เหล็กที่มีคงทนและแข็งแรงมากๆ

เนื่องจากความแข็งแรงและความคงทน โลหะผสมอัลนิโคได้ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายกับผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค เพราะว่าแม่เหล็กชนิดนี้มีคุณสมบัติที่มีความเป็นประโยชน์อย่างมาก อาทิเช่น สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้า เซ็นเซอร์ ลำโพง และอื่นๆ
และได้ใช้กับปิ๊กอัพกีต้าร์ไฟฟ้าเช่นกัน โดยอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุด ปิ๊กอัพกีต้าร์ไฟฟ้าประกอบด้วยแม่เหล็กถาวร (permanent magnet) ที่พันด้วยขดลวด (coils) ดังนั้นมันจึงสมเหตุสมผลที่แม่เหล็กคุณภาพสูงที่มีส่วนผสมของอัลนิโคเป็นส่วนประกอบจะส่งผลให้ได้ปิ๊กอัพกีต้าร์ที่มีคุณภาพสูงเช่นเดียวกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือปิ๊กอัพที่ให้เสียงที่อุ่น ลื่นไหลและมีความไพเราะเป็นอย่างมาก
และได้ใช้กับปิ๊กอัพกีต้าร์ไฟฟ้าเช่นกัน โดยอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุด ปิ๊กอัพกีต้าร์ไฟฟ้าประกอบด้วยแม่เหล็กถาวร (permanent magnet) ที่พันด้วยขดลวด (coils) ดังนั้นมันจึงสมเหตุสมผลที่แม่เหล็กคุณภาพสูงที่มีส่วนผสมของอัลนิโคเป็นส่วนประกอบจะส่งผลให้ได้ปิ๊กอัพกีต้าร์ที่มีคุณภาพสูงเช่นเดียวกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือปิ๊กอัพที่ให้เสียงที่อุ่น ลื่นไหลและมีความไพเราะเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่า Fender ได้เริ่มผลิตปิ๊กอัพด้วยแม่เหล็กอัลนิโคประมาณในช่วงยุคต้นถึงปลายทศวรรษที่ 1940 ในขณะนั้นอัลนิโคถือได้ว่าเป็นวัสุดที่ไฮเทค โดย Fender ได้ใช้อัลนิโคต่อเนื่องไปจนถึงช่วงทศวรรษ 1950 และ 1960 โดยในทางเทคนิคแม่เหล็กเซรามิก (ceramic magnet) จะมีประสิทธิภาพมากกว่า โดยแม่เหล็กเซรามิกได้ครอบครองส่วนแบ่งในการใช้งานในเชิงพาณิชย์อย่างกว้างขวางตั้งแต่ยุคทศวรรษที่ 1960 เป็นต้นมา แต่สำหรับปิ๊กอัพกีต้าร์ที่ทำจากแม่เหล็กเซรามิกนั้นได้ถูกค้นพบว่าโดยภาพรวมเสียงที่ได้จะกระด้างกว่า เปราะบางกว่า และแหลมคมกว่าสียงที่ได้จากแม่เหล็กอัลนิโค มือกีต้าร์หลายๆ คนและผู้ผลิตหลายๆ บริษัท – รวมทั้ง Fender – ยังคงยึดติดอยู่กับเสียงที่กลม นุ่มนวล และหวานของปิ๊กอัพอัลนิโค โดยได้ใช้แม่เหล็กอัลนิโคจวบจนกระทั่งปัจจุบัน

อีกสิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องพบเจอขณะที่กำลังหาซื้อกีต้าร์ นั่นคือปิ๊กอัพอัลนิโคที่มีมาด้วยกันหลายชนิด โดยปกติแล้วจะตามด้วยเลขโรมัน – เช่น alnico II, alnico III และ alnico V (ถึงแม้ว่าบางครั้งคุณอาจจะเจอแบบที่เป็นเลขอารบิก 2,3 และ 5 ด้วยเช่นกัน)
ตัวเลขของอัลนิโคบ่งบอกถึงกำลังของสนามแม่เหล็กที่ถูกสร้างออกมา โดยมีตัวกำหนดคล้ายกับเป็น “สูตรผสม” ที่บ่งบอกถึงเปอร์เซนต์ของส่วนผสมที่แตกต่างกันที่อยู่ในโลหะผสมซึ่งแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่ตัวเลขทั้ง 3 ตัวนั้นมีส่วนผสมที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน ชนิดของแม่เหล็กอัลนิโคที่ใช้กับส่วนประกอบอื่นๆ อาทิเช่น ศิลปในการวางตำแหน่งปิ๊กอัพ จะส่งผลกระทบต่อเสียงของกีต้าร์ด้วยเช่นกัน
ตัวเลขของอัลนิโคบ่งบอกถึงกำลังของสนามแม่เหล็กที่ถูกสร้างออกมา โดยมีตัวกำหนดคล้ายกับเป็น “สูตรผสม” ที่บ่งบอกถึงเปอร์เซนต์ของส่วนผสมที่แตกต่างกันที่อยู่ในโลหะผสมซึ่งแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่ตัวเลขทั้ง 3 ตัวนั้นมีส่วนผสมที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน ชนิดของแม่เหล็กอัลนิโคที่ใช้กับส่วนประกอบอื่นๆ อาทิเช่น ศิลปในการวางตำแหน่งปิ๊กอัพ จะส่งผลกระทบต่อเสียงของกีต้าร์ด้วยเช่นกัน
มันยิ่งแปลกมากขึ้นไปอีกเมื่อตัวเลขอัลนิโคไม่ได้เพิ่มขึ้นไปตามกำลังของสนามแม่เหล็ก (เช่น II มีกำลังน้อยสุด, III มีกำลังอยู่ตรงกลาง, V มีกำลังมากสุด) ในทางตรงกันข้าม ลำดับของกำลังของสนามแม่เหล็กเป็นดังนี้ Alnico III มีกำลังแม่เหล็กน้อยที่สุด, Alnico II มีกำลังแม่เหล็กอยู่ตรงกลาง, Alnico V มีกำลังแม่เหล็กมากที่สุด

Alnico II
คุณจะเจออัลนิโค II ในกีต้าร์เทเลคาสเตอร์ยุคแรกๆ ในช่วงทศวรรษที่ 1950 ซึ่งดีมากๆ สำหรับปิ๊กอัพในตำแหน่งกลางที่ให้เสียงที่หวานและไพเราะกับโทนเสียงแบบ “vintage-y”
Alnico III
มีกำลังน้อยที่สุดจากทั้ง 3 แบบ เพราะว่าไม่มีส่วนผสมของโคบอลต์ เนื่องจากมีแรงดึงของสนามแม่เหล็กน้อยที่สุด ส่งผลให้มีแรงต้านทานต่อการสั่นสะเทือนของสายน้อยที่สุด เหมาะกับปิ๊กอัพในตำแหน่งคอมากที่สุด (เพราะว่าสายกีต้าร์ในตำแหน่งคอมีการสั่นสะเทือนของสายมากที่สุด) เป็นแม่เหล็กชนิดที่ใช้ในกีต้าร์ทรง Stratocaster ในยุคเริ่มแรกช่วงกลางทศวรรษ 1950 และการใช้อัลนิโคชนิดนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมปิ๊กอัพในตำแหน่งคอถึงได้มีเสียงที่ดีและไพเราะมากๆ
Alnico V
มีกำลังมากที่สุดจากทั้ง 3 แบบ ทั้งในทางโทนเสียงและการตอบสนอง เอาท์พุตที่มีพลังมากกว่าทำให้เหมาะกับปิ๊กอัพในตำแหน่งสะพานสายที่มีการสั่นสะเทือนของสายน้อยกว่า เหมาะสำหรับเสียงที่แรงและดุดัน