ความยิ่งใหญ่ของ Jeff Beck

ในยุคที่โลกกำลังวุ่นวายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในวันที่ 24 มิถุนายน 1944 ได้มีเด็กชายตัวน้อยนามว่า ‘เจฟฟ์ เบ็ค’ หรือเจฟฟรีย์ อาร์โนลด์ เบ็ค (Geoffrey Arnold Beck) ได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก

เด็กชายเจฟฟรีย์เติบโตขึ้นมาในเมือง Wallington ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ทางตอนใต้ของลอนดอน ตอนเด็กๆ เขามักจะได้รับโอกาสให้ร้องเพลงประสานเสียงในโบสถ์อยู่เป็นประจ พอตอนอายุได้ 6 ขวบ เจฟฟรีย์ได้มีโอกาสได้ฟัง Lester William Polsfuss (Les Paul) เล่นกีตาร์ จึงทำให้เขาอยากที่จะเล่นกีตาร์บ้าง

พอเริ่มเป็นวัยรุ่นขึ้นมาหน่อย เจฟฟรีย์ก็เริ่มหลงใหลในเสียงของกีตาร์ไฟฟ้า เขามักจะหยิบยืมกีตาร์ของญาติๆ หรือของเพื่อนบ้านมาเล่นอยู่เป็นประจำ เขาลุ่มหลงในเสียงของกีตาร์ จนถึงขั้นพยายามที่จะประกอบกีตาร์ขึ้นมาด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นอะไรที่น่าทึ่งมากๆ สำหรับเด็กในวัยนั้น

เบ็คเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะมือกีตาร์ร็อกชาวอังกฤษที่โด่งดังจากวง ‘The Yardbirds’ และหลังจากนั้นก็ออกมาทำวงเองในชื่อ  ‘Jeff Beck Group’,‘Beck’ ‘Bogert & Appice’

ในปี 1975 เบ็คเริ่มค้นพบแนวทางใหม่ในการทำเพลง ด้วยการเปลี่ยนสไตล์ในการเล่นที่มีเพลงบรรเลงเป็นหลัก เน้นการสร้างซุ่มเสียงที่แปลกใหม่ แนวเพลงของเขาที่ปล่อยออกมานั้น มีตั้งแต่บลูส์ร็อก ฮาร์ดร็อก แจ๊สฟิวชัน และการผสมผสานระหว่างกีตาร์ร็อกและอิเล็กทรอนิกา

ด้วยสำเนียงกีตาร์ที่มีซุ่มเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ เขาจึงได้รับการขนานนามว่า ‘กีตาร์พูดได้’ เริ่มจากการที่เขาเลิกใช้ปิ๊กกีตาร์มาในช่วงปี 1980 และได้สร้างซุ่มเสียงที่หลากหลาย โดยเทคนิคการใช้นิ้วโป้งดึงสาย ใช้นิ้วนางค่อยปรับวอลล่ม และนิ้วก้อยกดที่คันโยกของกีตาร์ Fender Stratocaster อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ใช้คู่กับเอฟเฟคกีตาร์ประเภท Wah Wah โดยสำเนียงในการเล่นของเขานั้น ยากที่จะสามารถเลียนแบบได้ในยุคนั้น

ถึงขนาดได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 4 สุดยอดกีตาร์แห่งวงการดนตรีร็อก ซึ่งตอนนั้นมี จิมมี่ เฮนดริกซ์ (Jimi Hendrix), อีริก แคลปตัน (Eric Clapton), จิมมี่ เพจ (Jimmy Page) และ เจฟฟ์ เบ็ค

นอกจาก Stratocasters แล้ว เบ็คก็ยังเล่นกีตาร์ทรงอื่นๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Telecaster หรือ Gibson Les Paul แอมป์ที่ใช้ส่วนใหญ่ก็จะเป็น Fender และ Marshall รวมถึง Vox AC30s และในสมัยตอนอยู่กับวง Yardbirds กีตาร์ที่ใช้ก็เป็น Fender Esquire ปี 1954 ( ซึ่งปัจจุบันเป็นของ Seymour W. Duncan และได้แสดงอยู่ในหอเกียรติยศ Cleveland Rock and Roll)

ช่วงปี 2000 เขาชนะรางวัลแกรมมี่เป็นครั้งที่ 3 ของตัวเอง จากเพลง "Dirty Mind" จากอัลบั้ม You Had It Coming ในปี 2000 และเพลง "Plan B" ที่ปล่อยออกมาในปี 2003 ก็ทำให้เขาชนะรางวัลแกรมมี่ครั้งที่ 4 มาได้อีกด้วย

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2023 เบ็คก็ได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อแบคทีเรียเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ที่โรงพยาบาลใกล้ริเวอร์ฮอลล์ขณะอายุได้ 78 ปี ภายในไม่กี่นาทีหลังจากการประกาศการเสียชีวิตของเขา เหล่านักดนตรีและเพื่อนๆในวงการ ไม่วาจะเป็นจิมมี่ เพจ, Mick Jagger หรือ Ronnie Wood ต่างก็เริ่มแสดงความไว้อาลัยต่อเขา

เรียกได้ว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งนึ่งของวงการดนตรีระดับโลก เพราะผลงานที่ชายผู้นี้ได้สร้างไว้นั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะหาคำใดๆ มาสรรเสริญยกย่องเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเล่น หรือเทคนิคต่างๆ ที่เขาใช้ ล้วนแต่เป็นการส่งต่อภูมิปัญญาทางความรู้ต่อมือกีตาร์รุ่นหลังๆ อีกนับไม่ถ้วน

เขาคู่ควรแล้วกับการที่จะเป็นตำนานแห่งวงการดนตรีโลกตลอดไป และเชื่อได้เลยว่าผลงานที่เขาได้สร้างไว้จะยังอยู่ในใจแฟนๆ เพลงของเขา ตลอดไปอย่างแน่นอน…